ตำราพุทธศาสตร์ และไสยศาสตร์ หลวงพ่อสุภา กนฺตสีโล


คำนำ ของตำรา พุทธศาสตร์ และไสยศาสตร์ ซึ่งเขียนโดยหลวงปู่สุภา

ตำราพุทธศาสตร์ และไสยศาสตร์นี้ เป็นตำราที่ข้าพเจ้าได้พยายามค้นคว้ามา ตามสถานที่ต่างๆ ทั้งในประเทศและนอกประเทศ ตั้งแต่ข้าพเจ้าได้เริ่มออกเดินธุดงค์ไปตามประเทศต่างๆ และตามถ้ำตามอาจารย์ที่ได้พบ และได้เดินธุดงค์ร่วมกัน อาทิเช่น ประเทศลาวที่ ถ้ำภูเขาควาย ถ้ำนครภูเขาจำปาศักดิ์ เขมร พม่า อินเดียตามโยคีต่างๆ และทั้งในประเทศไทยบ้าง

ตำราที่ได้ศึกษามานี้ ข้าพเจ้าได้นำมาปฏิบัติ ตั้งแต่เริ่มออกธุดงค์เมื่อบรรพชาอายุได้ 13 ปี และได้ปฏิบัติมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ก็นับว่าหลายสิบปี ปัจจุบันนี้ก็อายุครบ 75 ปีพอดี แต่การปฏิบัติของข้าพเจ้าก็ยังไม่เป็นผลสำเร็จทุกอย่าง จะสำเร็จก็เป็นบางอย่างเท่านั้น

ต่อมาเมื่อปี 2512 นี้ ข้าพเจ้าได้เดินทางไปพำนักอยู่ ณ ถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งชาวบ้านแถบนั้นเรียกกันว่า ถ้ำเขาวัง อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา ข้าพเจ้าได้พำนักอยู่ที่นี้ตลอดมา วันหนึ่งจึงได้นิมิตจากทานฤาษีองค์หนึ่ง ได้แนะนำให้ข้าพเจ้าจัดพิมพ์ตำรา ที่ค้นคว้ามาตามสถานที่ต่างๆ ดังกล่าวมาแล้วนั้น เพื่อให้ยุวชนรุ่นหลังได้นำไปศึกษา เล่าเรียน หากท่านผู้ใดผู้หนึ่งทั้ง (บรรพชิต) และคฤหัสถ์ได้บรรลุมรรคผล บางทีข้าพเจ้าอาจสำเร็จก็ได้ นี้เป็นคำแนะนำของท่านฤาษีซึ่งประจำอยู่ที่ถ้ำเขาวัง ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงได้ออกเดินทางจากถ้ำเข้ามากรุงเทพฯ เพื่อรวบรวมตำราดังกล่าวนั้นมาจัดพิมพ์ เพื่อให้เยาวชนรุ่นหลังได้นำไปศึกษาต่อไป แต่การจะจัดพิมพ์ครั้งนี้รู้สึกว่าลำบากมาก ให้เกิดมีอุปสรรคคอยกีดกั้นตลอดเวลา ถึงกระนั้นก็ตาม ข้าพเจ้าก็ยัง (พยายาม) ทุกวิธีทางที่จะให้สำเร็จตามที่ได้ตั้งสัจอธิษฐานไว้ ตำราทั้งหมดนี้ที่มิได้เปลี่ยนแปลงนั้น ก็มีที่ได้ศึกษาจากอาจารย์ในประเทศไทยเราเท่านั้น นอกจากนั้นอาทิเช่น พม่า อินเดีย เขมร ลาว ตำราดังกล่าวนี้ที่มิได้นำมาเขียนพิมพ์ก็มีมาก เนื่องจากแปลภาษาต่างๆ นั้นไม่ได้เอง จึงมิได้นำมาพิมพ์ในครั้งนี้ ตำราที่มิได้นำมาพิมพ์นี้ ส่วนมากเป็นตำราทาไสยศาสตร์มากกว่า ส่วนทางพุทธศาสตร์นั้นหากยังขาดตกบกพร่องก็อาจมีบ้าง เนื่องจากได้หลงลืมไป แต่ก็ไม่มากนัก

ตำราทั้งสองนี้ข้าพเจ้าขอฝากข้อคิดพิจารณามา ณ ที่นี้ด้วย ว่าพุทธศาสตร์และไสยศาสตร์นั้น มีความแตกต่างกันหรือเหมือนกัน มีการแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน และไสยศาสตร์นั้นมาจากไหน พร้อมกันนี้ข้าพเจ้าหวังใจว่าทุกท่านที่สนใจใคร่ศึกษาตำราที่ข้าพเจ้านำมาพิมพ์ครั้งนี้ พร้อมกับนำไปศึกษา และปฏิบัติหากท่านปฏิบัติได้ผลประการใด หรือหากบรรลุมรรคผลประการใด ขอได้ส่งอุทิศไปให้ข้าพเจ้าด้วย ตำราทางพุทธศาสตร์นี้เป็นตำรามาแต่โบราณาจารย์ เป็นตำราที่ลึกลับมาก ตามอาจารย์ท่านกล่าวไว้ว่า เส้นผมบังภูเขา หากท่านใดมีปัญญาบารมี จึงแก้เอาไปใช้ได้ และจะรู้ตลอดทั้งบ่อดับ และบ่อเกิด ตามที่ท่านพุทธองค์ท่านกล่าวไว้ว่า สิ่งไรที่ดับไป สิ่งนั้นจะต้องเกิด สิ่งไรที่เกิดมา สิ่งนั้นจะต้องดับ หากบุคคลใดแก้ได้ จักได้นิพพานบ่อสงสัยแล?

สุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าขอฝากความหวังไว้ กับพุทธบริษัทและเยาวชนรุ่นหลัง ผู้ที่สนใจคงจะนำตำรานี้ไปศึกษา เมื่อศึกษาและปฏิบัติได้สำเร็จแล้ว ขอจงแผ่กุศลนี้ไปให้ข้าพเจ้าผู้ที่บารมียังไม่ถึง จงสำเร็จในชาตินี้เทอญ และข้าพเจ้าขออธิษฐานไว้ด้วยจิตอันบริสุทธิ์ ขอให้ทุกท่านที่ได้นำตำรานี้ไปศึกษาและปฏิบัติ จงสำเร็จด้วยความมุ่งมาตรปรารถนาทุกๆ ท่านเทอญ?

(ลงนาม) ส.กนฺตสีโล

หมายเหตุ โดยเว็บนะกุศล : คำว่าสำเร็จของหลวงปู่สุภา มีความหมายสูงกว่าสามัญชนทั่วไป เพราะโดยปกติของผู้บวชย่อมมีเป้าหมายการไม่ย้อนกลับมาเกิดอีกแล้ว ซึ่งการไม่ย้อนกลับมาเกิดอาจมิใช่หมายถึงการเข้าสู่นิพพานโดยทันที เช่น การดำรงสภาพอมตะเพื่อรักษาพระพุทธศาสนาไปจนครบถ้วนห้าพันปีดังเช่น หลวงปู่ใหญ่พระครูเทพโลกอุดร ... ส่วนคำว่าสำเร็จธาตุชั้นสูงนั้นหลวงปู่ท่านได้สำเร็จธาตุชั้นสูงอยู่แล้ว

ขึ้นต้นทางพุทธศาสตร์ พระธรรมดวงแก้ว ๗ แล
•สาธุ (สามที) อุกาสะ (สามที) แล้วว่า... ข้าพเจ้าจักขออาราธนาเอาดวงแก้วเจ็ด คือ พระอุปจารสมาธิ และพระอุปัญณาสมาธิทั้งเก้าประการ สิบกับดวงแก้วทั้งสิบอันบังเกิดแต่พระพุทธเจ้า แต่พระธรรมเจ้า แต่พระปัจเจกโพธิ์เจ้า และอรหันตาเจ้า ขอให้ดวงแก้วทั้งเจ็ด จงเสด็จมาอยู่ในขันธ์ทั้งห้าแห่งผู้ข้าในกาลบัดเดี๋ยวนี้เทอญ?

•แก้วมณีโชติพระยาจักร์รักษาไว้ในป่าหิมพานต์ฯ
•แก้วมณีจินดาอยู่หัวใจพระยาเทวดารักษาไว้ที่สูง?
•แก้ววัชชิระเพชระพระยานันทารักษาไว้ในถ้ำท่งเตง?
•แก้ววิเชียรพระยาพร้อมรักษาไว้ที่สูงกว่ากงแก้ว พระยาอินธารักษาไว้ในตาวติงสา?
•แก้วมณีสิบประการพระยาจักร์รักษาไว้ ในป่าพิมหานต์อยู่สะดือ?
•แก้วมณีจินดาสองพระยาเทวดารักษาไว้ในที่สูงอยู่หัวใจ?
•แก้ววัชชิระเพชชะสามประการ พระยานาครักษาไว้ในถ้ำท่งเตงอยู่คอ?
•แก้ววิเชียรสี่พระยาพรหมรักษาไว้ในที่สูงอยู่ง่อน?
•กงจักร์แก้วห้าพระยาอินทารักษาไว้ในตาวติงสาอยู่ปาก?
•แก้วไพฑูรย์หกพระยานาครักษาไว้ในเมืองนาคอยู่หัวทั้งสอง?
มะ อะ อุ---------- นะ อุ อะ

นะ--------------มะ

แก้วมณีโชติอยู่หน้า ---แก้วไพฑูรย์อยู่อก

อุ มะ นะ-----------อะ นะ มะ

อะ-------------- อุ

แก้วปัทธรรมราชอยู่หน้า--แก้ววิเชียรอยู่หลัง

>>จากตำราพุทธศาสตร์ หลวงปู่สุภา กันตสีโล


ตำรา พุทธศาสตร์ ภาค ๒
อุณะโรปะปิสัฐถาเว ?

สิทธิการิยะอาจารย์เจ้า ท่านยกมาจากพรหมวิหาร ให้เป็นทานแก่กุลบุตรทั้งปวง แก้วสิบหกยกเอาสี่ตัวพระเจ้าอยู่หัวตัวเดียวอย่าละ บุคคลผู้ใดแก้ได้จักได้พระนิพพานอย่างแท้จริงแล?

o นะ อุ นะ อะ นะ มะ ? บทนี้แก้วมณีโชติแล ?
o มะ อะ มะ อุ มะ นะ ? บทนี้แก้วไพฑูรย์แล ?
o อะ มะ อะ นะ อะ อุ ? บทนี้แก้วปัทธรรมราชแล ?
o อุ มะ อุ นะ อุ อะ ? บทนี้แก้ววิเชียรแล ?


o อะ มะ อะ นะ อะ อุ ? เมื่อเขาจะจับเราให้เอาสองบทนี้เข้าในตัวเราจับไม่ได้เลยแก้วทั้งสองลูกนี้จักรักษา
อุ คือ พี่ อะ คือตัว
o นะ อุ นะ อะ นะ มะ ? เรา นะ คือพ่อ มะ คือแม่แล ?


o อะ นะ อะ มะ อะ อุ ? บทนี้เสกเป่าตัวกันได้สารพัดแล ?


o นะ อะ นะ อุ นะ มะ ฯ
อุ นะ อุ มะ อุ อะ
สองบทนี้ภาวนา เจ็ดจบมักจักได้อันใดได้ดังใจมักแล ?


o นะ อุ นะ อะ นะ มะ ฯ บทนี้ภาวนาเวลาจะไปทางน้ำแล ?
o มะ อะ มะ อุ มะ นะ ฯ บทนี้ภาวนากันผีแล ?
o อะ นะ อะ มะ อะ อุ ฯ บทนี้เสกด้ายมงคลกันไฟแล ?


o อะ นะ มะ อะ อุ
o อุ นะ อุ มะ อุ อะ
o นะ อุ นะ อะ นะ มะ
o อุ อะ อุ นะ อุ มะ
สี่บทนี้ภาวนาเอาน้ำมากินได้ แลอยากได้อันใดภาวนาเอาได้ดังใจมักแล ?


o ถ้าจะทำการใดๆ หรือจะให้เป็นนกยาง ให้เสกด้วยอาโปธาตุร้อยเอ็ดคาบเป็นนกยางได้แล ?
o ถ้าจะให้เป็นตั๊กแตน ให้เสกด้วยวาโยธาตุเป็นแล ? อาจารย์กล่าวไว้ว่าเส้นผมบังภูเขาให้แปลเอาไปให้ได้ ถ้าบ่อได้ บ่อพ้นทุกข์แลท่านเอย ?

อะ---------------อะ

มะ นะ อุ----------- นะ มะ อุ

ธาตุน้ำ------------ธาตุดิน



มะ--------------- มะ

นะ อะ อุ------------นะ อุ อะ

ธาตุไฟ-------------ธาตุลม


o อุ นะ อะ นะ มะ นะ

o อะ อุ มะ อุ นะ อุ

o นะ มะ อะ มะ อุ มะ

o มะ อะ อุ อะ นะ อะ
สี่บทนี้ให้เอาเข้าทั้งสี่บทแล?



•o นะ อุ นะ อะ นะ มะ
•o มะ นะ มะ อะ มะ อุ
•o อะ มะ อะ อุ อะ นะ
•o อุ อะ อุ มะ อุ นะ
สี่บทนี้ให้เอาเข้าทั้งสี่บทแล ?

๑. o มะ นะ อะ นะ อุ นะ o อะนุนะมะมะอุนะฯ บทนี้ให้บริกรรมให้เป็นคนหนุ่ม ?
๒. o นะ อะ อุ อะ มะ อะ o อุอะมะนะนะอะอุ ฯ บทนี้บริกรรมให้เป็นคนแก่ ?
๓. o อะ มะ อุ มะ นะ มะ นะมะอะอุนะมะอะอุ ? บทนี้บริกรรมให้เป็นตัวเล็กแล ?
๔. o นะ อะ อุ อะ มะ อะ มะ นะอุอะนะอะอุ ? บทนี้บริกรรมให้ตัวใหญ่แล ?
๕ . o นะ มะ นะ อะ นะ อุ o อะอุนะมะอะอุ ? บทนี้บริกรรมให้ตัวเป็นดีแล ?
๖ . o อุ นะ มะ อุ อะ o อุอะมะนะนะมะอะอุอะอุนะ ? บทนี้บริกรรมอึดใจคนไม่เห็น ?
๗ . o อะ นะ อะ อุ อะ มะ o นะ มะอะอุมะอะอุ ? บทนี้บริกรรมให้ฝนตก
๘ . o มะ นะ มะ อะ มะ อุ o มะนะอุอะนะมะอะอุ ? บทนี้บริกรรมหายตัว ?
๙. o มะ นะ อุ อะ o นะมะอะอุมะนะอุอะ ? บทนี้บริกรรมให้ฝนตก ?



o อะ อุ นะ มะ

o อะ นะ มะ อะ

o อะ มะ อุ นะ
ธาตุลมไฟอาจารย์เจ้าให้พิจารณาเอา ใครไม่ได้ก็ได้แต่เป็นลมเสียเปล่าแล ?




o นะมะพะทะ ? น้ำทำน้ำมนต์ ?
o มะพะทะนะ ? ดินทำอยู่ยง ?
o พะทะนะมะ ? ไฟทำทวนไฟ ?
o ทะนะมะพะ ? ลมทำทำความ ?

o นะมะอะอุนะมะพะทะจะพะกะสะโสสะอะนิ ? ธาตุน้ำ
o มะนะอุอะมะนะทะพะกะสะจะพะกะสะโสนิอะ ? ธาตุดิน
o อะอุนะมะพะทะนะมะ กะสะจะพะอะนิโสสะ ? ธาตุไฟ
o อุนะมะอะทะพะมะนะสะจะพะกะนิอะสะโส ? ธาตุลม

o สิทธิการิยะจะกระทำการใดๆ ให้รู้จักธาตุสี่จึงประเสริฐแล นะคือธาตุน้ำ มะคือธาตุดิน พะคือธาตุไฟ ทะคือธาตุลม ถ้าจะกระทำการใดๆ ก็ดี ถ้าวันอาทิตย์ วันจันทร์ ธาตุดินให้ทำที่ดิน วันพุธ วันพฤหัสบดีธาตุน้ำให้อยู่ที่น้ำ วันศุกร์ธาตุไฟให้ทำที่ป่าช้า วันเสาร์ธาตุลมให้ทำที่พระเจ้านิพพานพระวัสสาแล ?

o วันอาทิตย์ให้ทำเมื่อตะวันเที่ยง วันจันทร์ให้ทำเวลาเช้ามืด วันอังคารให้ทำเวลากลางคืน วันพุธให้ทำเวลาตนนอนหลับ วันพฤหัสบดีให้ทำเวลาเย็น วันศุกร์ให้ทำเวลาไก่ขัน วันเสาร์ให้ทำเวลาวันเที่ยงแล ?

o สิทธิการิยะอุปเทศหัวใจพระกรณี หรือธาตุพระกรณี

ถ้าจะให้เป็นล่องหน ให้เอาวาโยธาตุถ้าจะให้เป็นจังงังให้เอาปัฐวีธาตุ

ถ้าจะให้เป็นนกยางให้เอาข้าวสารมา แล้วเสกด้วยวาโยธาตุสิบเจ็ดคาบ

ถ้าจะให้เป็นงูเห่าให้เอาปลาช่อนมาหนึ่งตัว แล้วเสกด้วยวาโยธาตุสิบคาบปลุกเสกด้วยปัฐวีธาตุ แล้วใช้ได้ตามใจชอบเทอญ

ถ้าจะทำเป็นต่อแตน ให้เอาใบมะขามหรือข้าวสารก็ได้เสกด้วยวาโยธาตุสิบคาบเทอญ

ถ้าจะทำไม่ให้คนเห็นเราทั้งกลางวัน กลางคืน ให้เอาต้นหิ่งหายมาแกะเป็นพระคว่ำสูงหนึ่งข้อมือแล้วลงด้วยหัวใจพระกรณี จึงปลุกด้วยธาตุสี่ จนพระนั้นลุกขึ้นนั่งจึงจะใช้ได้ ให้เอาพระนั้นอมไปเถิดมิเห็นตัวเราเลย

ถ้าจะสะเดาะโซ่ตรวนขื่อคา ให้บ่ายหน้าไปทิศบูรพาบริกรรมด้วยวาโยธาตุสิบคาบมีอำนาจเสน่ห์แก่คนทั้งหลาย

ถ้าจะให้เป็นที่รักแก่เทพามนุษย์ให้บ่ายหน้าไปทิศบูรพาเมื่อเที่ยงคืนจุดธูปถวายพระแล้ว ภาวนาด้วยธาตุสี่นี้ร้อยแปดคาบเป็นที่รักแล

ถ้าจะกันไฟมิให้ไหม้มาถึงบ้านเราให้เสกน้ำด้วยธาตุทั้งสี่ แล้วเอาพรมที่บ้านเราไฟมิไหม้ได้แล

ถ้าจะไปทางใดให้ภาวนา ปัฐวีธาตุเถิด ไม่มีอันตรายเลย

ถ้าจะให้มีอำนาจแก่คนทั้งหลาย ให้เอาเขี้ยวเสือมาฝนด้วยน้ำหอม เสกด้วยวาโยธาตุสิบคาบมีอำนาจมากแล

ถ้าจะเรียกปลาอยู่ในน้ำให้มาหาเรา ให้ภาวนาปัฐวีธาตุ อาโปธาตุสิบห้าคาบมาแล

ถ้าจะเรียกสัตว์ป่าให้มาหาเรา ให้ภาวนาปัฐวีธาตุอาโปธาตุร้อยแปดคาบมาแล

ถ้าจะสำแดงตัวให้เป็นภูเขา ให้ยืนตัวตรงภาวนาปัฐวีธาตุสิบหกคาบเทอญ

ถ้าจะเรียกน้ำให้ขุดหลุมลึกหนึ่งศอก ภาวนาด้วยอาโปธาตุสิบแปดคาบมีน้ำผุดขึ้นมาให้เรากินแล

ถ้าเราอดน้ำให้ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า พระฤษี พระอินทร์ พระพรหม เทวดา มาช่วยภาวนาคาถาพระกรณีด้วยธาตุสี่ จะสำเร็จความปรารถนาทุกประการแล

ถ้าจะบังเลื่อมให้เอากาฝากไม้ชุมแสง มาแกะเป็นรูปพระคว่ำ แล้วลงด้วยอักขระสี่นั้นแล้วปลุกด้วยธาตุสี่ จนพระนั้นลุกขึ้นนั่งเอาพระนั้นไปเทอญ ไม่มีอันตรายเลย

ถ้าจะบังเลื่อมให้เอาต้นหิ่งหายที่เกิดกองฟอนผีให้เอาวันอังคารวันเสาร์ มาทำเป็นลูกประคำร้อยแปดลูกแล้วลงอักขระตัวละลูกเสกด้วยคาถาพระกรณี นั้น ร้อยแปดคาบจะไปทางไหนให้เอาลูกประคำนั้นใส่หัวไปคนไม่เห็นเลย?


ตำรา พุทธศาสตร์ ภาค๓
ต่อไปเป็นบทอักขระแล

o อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ กะ ขะ คะ ฆะ งะ จัส สะ ชัช ฌะ ญะ รัฐ ถะ ฑะ ฒะ ณะ ตะ ถะ ทะ ธะ นะ ปะ ผะ พะ ภะ พะ มะ ยะ ระ ละ วะ สะ หะ ฬะ อัง ?

o นะ มะ พะ ทะ นะ ? บทนี้เป็นธาตุน้ำ ?
o มะ พะ ทะ นะ มะ ? บทนี้เป็นธาตุดิน ?
o พะ ทะ นะ มะ พะ ? บทนี้เป็นธาตุไฟ ?
o ทะ นะ มะ พะ ทะ ? บทนี้เป็นธาตุลม ?


จะ พะ กะ สะ
พะ กะ สะ จะ
กะ สะ จะ พะ
สะ จะ พะ กะ
สี่บทนี้ธาตุไป จะ สะ กะ พะ
สะ กะ พะ จะ
กะ สะ จะ พะ
สะ จะ พะ กะ
สี่บทนี้ธาตุมา


o นะสหัสสาสีสมาธิยามิ นะจิเจรุนิคัสสันติอาอัสสะโสสูรยังนิพพานัง ? บทนี้ขับธาตุแล ?
o มะสหัสสาสีสมาธิยามิ มะจิเจรุนิ จะระติปัฐวีปัสสาโสหัตถะยังสีวัง ? บทนี้เรียกธาตุแล ?
o พะสะหัสสาสีสมาธิยามิพะจิเจรุนิ สะทะนะเตโชเอกัชชานัง ปะระมังยัตวา ? บทนี้ปลุกธาตุแล ?
o ทะสหัสสาสีสมาธิยามิ พะจิเจรุนิ สัมพุทธนังวาโยนิพพานัง พันธะปาณะกัง ? บทนี้ผูกธาตุแล ?

o นะ มะ พะ ทะ น้ำคือบิดา ---รูปักขันโธ ฯ ?
o มะ พะ ทะ นะ ดิน คือมารดา --- เวทนาขันโธ ฯ ?
o พะ ทะ นะ มะ ไฟ คือ จิต ---สัญญากขันโธ ฯ ?
o ทะ นะ มะ พะ ลมคือชีวิต ---- สังขารักขันโธ ฯ ?
จึงตั้งเป็นธาตุสี่ได้แล ?

o นะ มะ พะ ทะ -----อะนุโลม ?
o มะ พะ ทะ นะ -----ปฏิโลม ?
o พะ ทะ นะ มะ -----กลืนจักร์ ?
o ทะ นะ มะ พะ ------คลายจักร์ ?

o นะ มะ พะ ทะ ? ดินหนุนน้ำมีลมเป็นที่สุด ทำให้เกิดฝนต่างๆ ?
o มะ ทะ นะ พะ ? ลมหนุนดินมีไฟเป็นที่สุด ทำให้เหือดแห้งหายไป ?
o พะ ทะ นะ มะ ? ลมหนุนไฟมีดินเป็นที่สุด ทำให้ฉิบหาย ?
o ทะ พะ มะ นะ ? ไฟหนุนลมมีน้ำเป็นที่สุด ทำให้หาย ?
o นะ พะ มะ ทะ ? ไฟหนุนน้ำมีลมเป็นที่สุดทำให้คงทน ?
o มะ ทะ พะ นะ ? ลมหนุนดินมีน้ำเป็นที่สุด ทำให้แคล้วคลาด ?
o พะ มะ นะ ทะ ? ดินหนุนไฟมีลมเป็นที่สุด ทำให้มาทันใจ ?
o ทะ พะ มะ นะ ? ไฟหนุนลมมีน้ำเป็นที่สุด ทำให้เป็นทันใจ ?
o พะ นะ ทะ มะ ? น้ำหนุนไฟมีดินเป็นที่สุด ทำให้เป็นจังงัง ?
o ทะ มะ นะ พะ ? ดินหนุนลมมีไฟเป็นที่สุด ทำให้เป็นอ่อนหวาน ?
o มะ นะ ทะ พะ ? น้ำหนุนดินมีไฟเป็นที่สุด ทำให้พ้นภัยต่างๆ ?
o ทะ พะ มะ นะ ? ไฟหนุนลมมีน้ำเป็นที่สุด ทำให้กลับไป ?

o พระคาถาเหล่านี้ถ้าจะทำอย่างใดให้แต่งขันธ์ห้า ขันธ์แปด เสียก่อนจึงจะถูก จึงจะศักดิ์สิทธิ์แล ?

Source