Dhava Vimut

Buddhism Emptiness Interconectivity Nature of Reality


เปิดตาที่สาม ภาคนิมิต โดยหมอเสือ

Vid# 1


Vid# 2


Vid# 3


ไขข้อข้องใจ


ทริปเปิดจักระ โดยหมอเสือ

การฝึก สมาธิ ความสงบ ทางสายกลาง

กระแสวงจรจิต

การกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์



การเดินจงกรม 4 - Walking meditation 4 Satge

การนอนเจริญวิปัสสนาสมาธิ - Lying meditation

ฟังเทศน์ หลวงพ่อพุธ สอนการภาวนา

การสอบอารมณ์และสาธิตการเจริญสติ โดย หลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ

1/8


2/8


3/8


4/8


5/8


6/8


7/8


8/8


Source via Pruet
Newer Posts Older Posts Home
Subscribe to: Posts (Atom)

กายป่วยมิใช่อุปสรรค จิตป่วยตามกายคืออุปสรรค

กายป่วยมิใช่อุปสรรค จิตป่วยตามกายคืออุปสรรค
พระพุทธเจ้าองค์ปฐม


Masters ครูบาอาจารย์ - Luang Pou Man หลวงปู่มั่น

Masters ครูบาอาจารย์ - Luang Pou Man หลวงปู่มั่น
อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ปัญจะมาเร ชิโน นาโถ ปัตโตสัมโพธิ มุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ ธัมมะจักกัง ปะวัตตะยิ เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุเม ชะยะมังคะลัง นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุติยา ภูริทัตโต มะหาเถโร อะหังวันทามิ สัพพะทา

LP Cha

LP Dule

LP Sumano

LP Promote

About Me

My photo
ขมิ้น
นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยา ขอนอบน้อมแด่ท่านผู้หลุดพ้นแล้ว ขอนอบน้อมแด่วิมุตติธรรมของท่านผู้หลุดพ้นแล้ว
View my complete profile

My Thamma

  • สมาคมค้นคว้าทางจิต
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
  • Wimutti
  • Space Weather
  • Kammatan
  • Dhammathai
  • Dhammajak

Blog Archive

  • ►  2012 (8)
    • ►  January (8)
  • ▼  2011 (8)
    • ▼  September (8)
      • เปิดตาที่สาม ภาคนิมิต โดยหมอเสือ
      • การฝึก สมาธิ ความสงบ ทางสายกลาง
      • กระแสวงจรจิต
      • การกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์
      • การเดินจงกรม 4 - Walking meditation 4 Satge
      • การนอนเจริญวิปัสสนาสมาธิ - Lying meditation
      • ฟังเทศน์ หลวงพ่อพุธ สอนการภาวนา
      • การสอบอารมณ์และสาธิตการเจริญสติ โดย หลวงพ่อเทียน จ...
  • ►  2009 (21)
    • ►  November (21)

รวมพระคาถาหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

พระคาถาจะมีผลผู้ท่องจะต้องมีศรัทธา มีศีลบริสุทธิ์ มีสมาธิตั้งแต่
ปฐมฌานขึ้นไป คือให้ท่องบ่อยๆ จนจิตเป็นฌาน

1. พระพุทธคาถาสัมมาสัมพุทธัสสะ พระอะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ

สวดทุกคืน คืนละ 7 จบอานุภาพคาถามีดังนี้

1.1. ศัตรูจะพินาศไปเองเมื่อคิดประทุษร้าย

1.2. จะเกิดผลในด้านมงคลทุกประการตามที่ปรารถนา

1.3. จะสามารถเห็นได้แจ่มแจ้งด้วยญาณ เห็นได้ชัดเจนทุกประการ และทุกขณะที่ประสงค์จะเห็น

1.4. เป่าให้ศิษย์ผู้เรียนทิพยจักขุญาณ และเรียนไปปรโลกได้ มีญาณเครื่องเห็นแจ่มใส



2. คาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้าตั้งนะโมฯ 3 จบก่อนแล้ว นมัสการสรณคมณ์

(พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆังสรณัง คัจฉามิ) แล้วให้สมาทานศีล 5 (ปาณา ฯลฯ สุราเมระยะฯ )แล้วจึงท่อง

พุทธะ มะ อะ อุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทา

สา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม



สวดเช้าเย็น ครั้งละ 9 จบ จะทำให้มีความคล่องตัวในความเป็นอยู่ เงินไม่ขาดมือ.



3. คาถาอภิญญารวม:

โสตัตตะภิญญา



4. คาถารวมจิต:

อิติ สัมมาสัมพุทธัสสะ มะมะ จิตตัง



5. คาถาปราโมทย์:

ปราโมทย์



6. คาถาพระนิพพานนิมิต:

นิมิตจิตติ นิมิตจิตตา นิพพานจิตติ นิพพานจิตตา



7. คาถาขีณาสวานิตยา และนิพพานสุขัง:

ขีณาสวานิตยา และนิพพานสุขัง



8. คาถาเรียกจิตคน:

จิตตะ มหาจิตตัง ปิยัง มะมะ

(เรียกจิตคนสำหรับเทศน์ อบรม สนทนา ทำให้ใจคนน้อมมาหา)



9. คาถาสนองกลับผู้กระทำไสยศาสตร์:

สัมปจิตฉามิ



10. คาถาป้องกันคุณไสย และกันยาพิษ ยาสั่ง:

เมสัมมุขา สัพพาหะระติ เตสัมมุขา



11. คาถากำบังตัว:

สัมปะติจฉามิ



12. คาถากันฟ้าผ่า:

อากาเสจะ พุทธทิปังกะโร นะโมพุทธายะ



13. คาถาสมเด็จพระพุทธกัสสป

๑: พุทธัง มัดจิต ธัมมัง มัดใจ ศัตรูทั้งหลาย วินาศสันติ

๒ พุทธัง มัดจิต ธัมมัง มัดใจ โรคภัยทั้งหลาย วินาศสันติ

๓ ฆะเตสิ ฆะเตสิ กิงกะระณัง ฆะเตสิ อะหังปิตัง ชานามิ ชานามิ



หลวงพ่อบอกคาถาบทนี้ เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๒๐ คาถาบทนี้ ท้าวเวสสุวัณให้มา ท่านบอกว่าให้สวดมนต์ไว้ทุกคืน ก่อนอื่นให้ระลักถึงบารมีของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ อันมีสมเด็จพระพุทธกัสสปทรงเป็นประธาน เพราะท่านเป็นเจ้าของถาถานี้

"พุทธัง มัดจิต ธัมมัง มัดใจ ศัตรูทั้งหลาย วินาศสันติพุทธัง มัดจิต

ธัมมัง มัดใจ โรคภัยทั้งหลาย วินาศสันติ"



ในบรรทัดที่ ๒ นี้รักษาโรค ท่านบอกว่าเสกน้ำให้กิน เสกอะไรให้กิน เสกข้าวให้กินก็ได้นะ แม้แต่ยาพิษมันก็สลายตัว อีกบทหนึ่งเป็นของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน

"ฆะเตสิ ฆะเตสิ กิงกะระณัง ฆะเตสิ อะหังปิตัง ชานามิ ชานามิ"



ทั้งสามบทนี้ท่านให้สวดพร้อมกันเลย เวลาฉันข้าวก็เสก กลางคืนก็ให้ภาวนาไว้นะ ภาวนาไว้สักครู เช้าเย็นอะไรนี่นะ ท่านบอกว่าศัตรูจะพินาศไปเอง สำหรับบทหลังศัตรูทำอะไรไม่ได้ จะทำอะไรแล้วเราจะต้องรู้อยู่เสมอ บทกลางนะทำลายโรค ได้ทำลายโรคนี่ดีใช่ไหม เสกข้าวนะ ข้าวที่เราจะฉัน เสกซะหมด และคนอื่นกินก็เป็นยาไปหมด ให้เป็นยาสำรับคนอื่นด้วยนะ ดีไหม ถ้าเห็นว่าดี ถ้าคุณจะให้รักษานี่นะ ถ้าจะใช้รักษาโรค คุณจะต้องหาดอกบัวมา ๓ ดอก ธูป ๕ ดอก เทียน ๑ เล่ม บูชาขอต่อพระพุทธรูป (ผมเข้าใจว่า ถ้าไม่นำสิ่งที่ให้นำมาผลกรรม โรค นั้นจะตกที่คนรักษา)ถ้าใครต้องการจะให้เรารักษา ต้องบังคับให้เขาเอาดอกบัวมา ๓ ดอกนะ ธูป ๕ เทียน ๑ เสกน้ำมนต์ เสกอะไร อะไรให้กินได้ นั่งทำก็ได้ นอนก็ได้ ภาวนาให้เป็นฌานเป็นฌานในกรรมฐานภายในตัวเสร็จ อย่าลืมนะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็ได้ผลเท่ากันเป็นฌาน



14. คาถาพระอินทร์:

สหัสสเนตโต เทวินโท ทิพจักขุง วิโสทายิ

(ใช้กับการเรียน ให้อ่านหนังสือแล้วจำได้ ทำข้อสอบได้)



15. คาถาพระยายม:

นะโมพุทธายะ



16. พุทธคาถา:

มหาวิชโย โหหิ อสังวาโส

(ภาวนากันอันตรายทุกอย่าง ผู้คิดร้าย จะย่อยยับไปเอง)



17. คาถาเมตตา:

พระอรหัง สุคโต ภควา นะเมตตาจิต

(คาถาบทนี้ หลวงพ่อบอกว่าให้ใช้เวลาไปติดต่อผู้อื่น

เพื่อขอความช่วยเหลือ โดยก่อนจะออกจากบ้าน ให้นึกใบหน้าของผู้ที่

เราจะไปหาก่อน แล้วภาวนาคาถาบทนี้ไปด้วย เมื่อไปพบแล้วจะสำเร็จ

ผลตามที่ต้องการคาถาบทนี้หลวงพ่อท่านบอกว่าเป็นคาถาของ

หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง ภูเก็ต)



18. คาถาสมเด็จประทาน:

มหาโคตมะ ปาทะเกหิ จะ อปาทะเกหิ เม เมตตัง เมตตัง

(เสกของต่างๆ ให้มนุษย์ จะได้มีจิตเมตตาต่อกัน เสกอะไรก็ได้)



19. คาถาพระโมคคัลลานะ ประทาน

1.อิติ สุกขติ สุกขโต

(ทำน้ำมนต์ให้คนอยู่ในบ้าน จะได้รับความเมตตาเป็นพิเศษ)

2.อิติ สุคติ สุคโต

(ทำน้ำมนต์ให้คนเดินทาง จะประสบผลสมประสงค์และปลอดภัยทุกประการ)



20. คาถาท่านท้าวเวสสุวัณ:

พยัคฆัง พยัคฆา มานี่ให้หมด

(เป็นคาถาภาวนาให้คนมารวมกัน อธิษฐานเอาตามใจ ภาวนาเรียกเสกแป้ง สีผึ้งก็ได้)



21. คาถาป้องกันอันตราย:

รูปพระพุธโธ โหหิ

(ภาวนาคาถานี้ เสกน้ำลายกลืนลงไปก่อนออกจากบ้าน

ท่านกล่าวว่า แม้ปืนก็ยิงไม่ออก)



22. คาถานวด:

อิมัสมิงมาเล อิมังเต มาสัง วัสสัง อุเปมิ

(นึกถึงพระรัตนตรัยก่อนว่าคาถา แล้วให้ภาวนาเรื่อยไปขณะนวด)



23. เสกของขายภายในร้าน:

นะมะนะอะ นอกอนะกะ กอออนออะ นะอะกะอัง

อุมิอะมิ มหิสุตัง สุนะพุทธัง สุอะนะอะ



24. คาถาให้สารภาพ:

กัณหัง อเสนโต อเทสยิ

(บอกความจริงให้หมด)



25. คาถาท่านท้าวมหาราชทั้ง 4:

อิติ สัมมาสัมพุทธัสสะ พระอรหังรักษา

(ท่านบอกว่าท่องคาถาบทนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวอันตราย)



26. คาถาสมเด็จพระพุทธกัสสป

จิเจตะสา มหามันตัง

(สอนให้ทำน้ำมนต์ ใช้การทุกอย่างสวัสดี เป็นมหาเมตตา

และทำลายโชคร้ายทั้งหมด ให้กลายเป็นดี รักษาโรคทั้งหมด

ตามแต่จะอธิษฐาน)



27. คาถาโรยทราย (นะจังงัง):

นะโม พุทธายะ (ว่า 1 จบ)อิติ ศัตรู ยามาคะตา

(โรยไปว่าไป) (ป้องกันศัตรู)



28. คาถาเสกขี้ผึ้งสีปาก เมตตามหานิยม(คาถาพระพุทธกัสสป):

นาสังสิโม ปาสุอุชา 10รอบ



ปกิณกะธรรม เล่มที่ 16

อย่าใช้อารมณ์ปรุงแต่งมาเป็นเครื่องตัดสินใจ
พิจารณาขันธ์ ๕ แล้วยอมรับจิตจักเป็นสุข
การทำงานให้เอาธรรมปัจจุบันเป็นเครื่องตัดสินใจ
จิตที่ติดอยู่ในปัจจุบันนี่แหละ แก้ไขยากที่สุด
ห่วง กังวล เพราะจิตยังเกาะกายตนเป็นเหตุ
พ้นทุกข์ได้ที่กายและจิตตนเท่านั้น
ดูอารมณ์จิตตน คือการดูจิตตน
สงฆ์สมมติมาจากคน หากศีลไม่ครบก็คือคนธรรมดา
อารมณ์ คือสังขารปรุงจิตให้ผิดธรรมดาอยู่เสมอ
ดูทุกอย่างให้เป็นกฎของกรรม การปฏิบัติจักแคบเข้า
กายป่วยมิใช่อุปสรรค จิตป่วยตามกายคืออุปสรรค
แดนที่กฎของกรรมตามไม่ถึง คือแดนนิพพาน
ทรงตรัสให้ปฏิบัติที่จิต เพื่อเอาจิตพ้นทุกข์ ส่วนกายพ้นทุกข์ไม่ได้
อย่าคิดว่าร่างกายผิดปกติ จงคิดว่านี่เป็นธรรมดาของร่างกาย
อย่าใจร้อนเสียอย่างเดียว ไม่มีงานอะไรจักแก้ไขไม่ได้
เจ้าไม่ทิ้งพระ พระก็ไม่ทิ้งเจ้า จิตเกาะนิพพานมั่นคงเท่าไหร่ ก็เข้านิพพานได้ง่ายเท่านั้น
โลกพร่องอยู่เป็นนิจ เพราะตกเป็นทาสของตัณหา คำว่าพอย่อมไม่มีในร่างกาย
จิตผู้อาศัยกายอยู่ ชอบฝืนปกติธรรมของกายเพราะตัณหา
การพิจารณาทุกข์ให้สรุปลงตรงที่มีขันธ์ ๕
พิจารณาทุกข์ให้มากแล้วจิตจักตัดกิเลสได้เร็ว
อย่าเครียด งานทำได้แค่ไหนพอใจแค่นั้น
ใจเย็นๆ อันใดไม่ใช่ภาระให้ปล่อยวาง
อดทนกับขันธ์ ๕ เป็นชาติสุดท้าย
มุ่งแก้ปัญหาดีกว่าแก้ตัว
นิพพิทาญาณ คือรู้แล้วเบื่อตามความเป็นจริง
อย่าใช้ความใจร้อนด่วนตัดสินใจ
จงอย่าไปรับไฟของคนอื่นมาใส่ใจตน
อย่าตีตนไปก่อนไข้
การทำสิ่งเป็นโทษ โดยไม่รู้ว่าเป็นโทษ ก็ยังมีโทษ
กรรมฐาน คือการทำจิตใจตั้งอยู่บนฐานของความดี จึงต้องทำตลอดเวลาเป็นอกาลิโก
จงอย่ามีอารมณ์เสียดาย ทุกๆ สิ่งในโลก เพราะทุกสิ่งในโลกที่สุดแล้วเป็นอนัตตาหมด
เตรียมตัวตายให้เป็น คือกายตายแล้วเอาจิตไปพระนิพพาน (มีมรณาและอุปสมานุสสติทรงตัว)
จิตปรุงแต่งเมื่อไหร่ เลวเมื่อนั้น อะไรกระทบทางทวารทั้ง ๖ หรืออายตนะหก แล้วจิตไหวเกิดอารมณ์ ๒ หรือจิตปรุงแต่ง อุปาทานเกิดทุกครั้ง
อำนาจจิต หรือพลังจิต รักษาโรคเครียดได้ทุกชนิด (psychosomatic diseases) ตัวอย่างใช้กระดาษตัดตะเกียบได้ด้วยพลังจิต กำหนดจิต-ย้ายจิตไปในที่ต่างๆ จากเท้าซ้ายไปขวา จากมือขวาไปซ้าย หรือให้ร้อนได้-เย็นได้ (กสิณไฟ) สุดแต่จะฝึก ที่สุดกำหนดจิตให้กระดาษคมเหมือนมีด ให้ไม่หรือตะเกียบเป็นแตงโม แล้วฟันไม้ก็จะขาด ทุกอย่างอยู่ที่ความเชื่อมั่นของจิต
การพ้นทุกข์อยู่ที่การพิจารณาความจริง
อย่าหงุดหงิดกับความเลวของบุคคลอื่น
อย่าเครียดกับร่างกาย
ธรรมคือจิต จิตคือธรรม
จงเอาสติฟังธรรม อย่าเอาหูฟังธรรม
จำไว้ภาระของกาย และเวทนาฝืนไม่ได้ (ทุกข์กายห้ามฝืน เพราะกายไม่ใช่เรา-ไม่ใช่ของเรา)
คนโง่เท่านั้น ที่ชอบเอาภาระของขันธ์ ๕ มาแบก
ธรรมคุ้มครองโลก คือสังคหวัตถุ ๔ (ทาน-ปิยะวาจา-อัตถจริยา-สมานัตตา)
คนฉลาดใช้ปัญญาคุมจิตไม่ให้คิดชั่วเท่านั้นพอ
สมบัติที่แท้จริงของคน คือกรรม (ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว)
อสุภะนิมิต เป็นนิมิตของพระอริยเจ้าเบื้องสูง
ไตรลักษณ์ แก้ปัญหาธรรมได้ครอบจักรวาล เป็นกรรมฐานใหญ่ชนะกิเลสได้ทุกชนิด
ธรรมทั้งหลายจะไม่เสื่อม หากตั้งไว้บนศีล
วันครอบครัว คือวันสงกรานต์
คำถามที่เป็นอจินไตย ไม่ควรตอบ คือต้องการรู้ผล ก่อนรู้เหตุ (พวกอยากรู้อนาคต)
สัญญาเดิม คืออุปาทาน พิจารณาทุกอย่างล้วนเป็นธาตุ ๔, เป็นไตรลักษณ์, เป็นสมมติธรรม
ผู้ใดเข้าใจคำว่ากรรมตามความเป็นจริงแล้ว จะไม่ยอมสาป-แช่งผู้อื่นเขา เพราะเป็นการต่อกรรม แล้วในที่สุดจะเข้าตัวเอง
การห้ามจิตของผู้อื่นนั้นยากยิ่ง เพราะสายดิ่งทิ้งทอดมาหยั่งได้ จิตมนุษย์นี้ไซร์ยากแท้หยั่งถึง
ติดดีแก้ยาก ติดเลวแก้ง่าย ขนาดอนาคามียังมีติดมานะถือตัว ถือตน เป็นชั่วหรือหลงละเอียด (อนุสัย)
เส้นผมบังภูเขา หาพบได้ในกัลยาณมิตร
การปฏิบัติธรรม ให้เอาจิตรอด อย่าเอาตัวรอด (เอาใจรอด อย่าเอากายรอด)
การฟังธรรม ต้องใช้เครื่องกรอง คือปัญญา กรองเอาแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ มีปัญญาแค่ไหนกรองได้แค่นั้น
ทำไมคนโบราณจึงถือคำสาบานกันอย่างจริงจัง เพราะท่านเชื่อพระธรรม เชื่อกฎของกรรม
คนมีร่างกายมีสภาพเหมือนติดคุกตลอดชาติ คนฉลาดหนีได้ ใช้จิตหนีด้วยศีล-สมาธิ-ปัญญา หรือ ทาน-ศีล-ภาวนา
ผู้ปฏิบัติธรรมต้องรู้อารมณ์ของตนเองตลอดเวลา และแก้ไขได้ตลอดเวลา
พื้นฐานของพระธรรมในพุทธศาสนาอยู่ที่ศีล
แก้ตัว หมายความว่าให้แก้ที่ตัวเรา อย่าไปแก้ที่ผู้อื่น-แก้ผิดให้ถูก-แก้ชั่วให้ดี-ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จได้ที่ใจ เพราะใจคือตัวเรา
สมมติไม่หมด อัตตาก็ไม่หมด (สมมติ แปลว่า ไม่จริง)
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนเป็นกฎของกรรมทั้งสิ้น ผิด-ถูกไม่มี มีแต่มาตามกรรม และไปตามกรรม
ยึดเกาะสิ่งใด อัตตาตัวตนเกิดทันที ทุกข์เกิดทันที
บ้า ใบ้ บอด หนวกเสียบ้าง สบายใจดี
สังโยชน์มีมากเท่าไหร่ ห่วงกายมากเท่านั้น
ยังห่วงกายมากเท่าไหร่ เนื่องจากอุปาทานขันธ์เป็นเหตุ
กิเลสเกิดมากเท่าไหร่ เนื่องจากขันธ์ ๕ เป็นเหตุ
เบื่อจริง คือเบื่อภายใน(ขันธ์ ๕)
จิตถึงจิตก็เกื้อกูลกันได้ทั้งคนและสัตว์
การรู้จักประมาณตนเป็นสิ่งประเสริฐ
พยายามทำใจให้เหมือนกระจกเงา
ไม่เผลอยึดสิ่งที่ไม่เที่ยง คือเห็นไตรลักษณ์แท้
สัทธรรม ๕ คืออัพยากฤตที่หมดปรุงแต่ง
อัพยากฤต คือทางสายกลาง ทางหลุดพ้น
อานาปาจิตได้พัก เป็นอาหารของจิตและกาย


รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
ถ้าญาติของเราตาย ตายด้วยอำนาจของสัมภเวสี คือไม่สิ้นอายุ ฟ้าผ่าตาย สุนัขกัดตาย มดกัดตาย ยุงกัดตาย คลอดบุตรตาย ถูกฆ่าตาย ถูกยิงตาย รถชนตาย แต่ก็ไม่แน่นักนะ บรรดาพวกนี้ถึงอายุขัยก็มี แต่เผื่อเหนี่ยวไว้ก่อน สมมุติว่าเขาเป็นสัมภเวสี พอตายไปแล้วไม่ต้องทำบุญมาก ทำบุญให้ได้บุญชัดๆ หาอาหารชนิดที่ไม่มีบาป เอาผ้าไตรมา ๑ ไตร เอาพระพุทธรูปมา ๑ องค์ นิมนต์พระมารับสังฆทานที่บ้าน ทำเงียบๆ อย่าให้มีเหล้ายาปลาปิ้ง อย่าทุบแม้แต่ไข่สักหนึ่งฟอง เมื่อทำบุญเสร็จ อุทิศส่วนกุศลให้เฉพาะคนที่ตาย ไม่ให้ใครทั้งหมด ถ้าทำอย่างนี้ละท่านพวกนี้จะมีความสุข ได้รับผลบุญทันที มีความผ่องใส มีความอิ่มเอิบเมื่อเข้าถึงอายุขัย เมื่อใดก็เป็นอันว่าพวกนี้จะไปถึงด้านของสวรรค์ก่อนคำสอนพลวงพ่อฤาษีลิงดำhttp://www.palungjit.com/smati/books/index.php?cat=129
อาหารที่เหมาะสมสำหรับการนำไปถวายพระภิกษุนั้น ควรเป็นอาหารที่เรารับประทานกันทั่วไป คือ ปรุงจากพืช ผัก หรือเนื้อสัตว์ที่มีขายอยู่ในท้องตลาด แต่ควรระมัดระวังอาหารที่ปรุงด้วยเนื้อสัตว์ที่เป็นที่ต้องห้ามสำหรับพระภิกษุ อันได้แก่

1.เนื้อมนุษย์

2.เนื้อช้าง

3.เนื้อม้า

4.เนื้อสุนัข

5.เนื้องู

6.เนื้อราชสีห์

7.เนื้อเสือโคร่ง

8.เนื้อเสือเหลือง

9..เนื้อเสือดาว

10.เนื้อหมี

อย่านำอาหารที่ปรุงจากเนื้อดิบๆ เลือดดิบๆ ไปถวายพระภิกษุสงฆ์ เช่น ปลาดิบ กุ้งดิบ ฯลฯ จนกว่าจะทำให้สุกด้วยไฟ นอกจากนั้น ไม่ควรนำอาหารที่ปรุงด้วยสุราที่มีสีหรือกลิ่นหรือรสปรากฏชัดไปถวายพระภิกษุสงฆ์ และอย่าฆ่าสัตว์โดยจำเพาะเจาะจงว่าจะนำเนื้อนั้นไปทำอาหารถวายแด่พระภิกษุสงฆ์

Picture Window theme. Powered by Blogger.
Blogger Templates Blogger Templates
Blogger Backgrounds
MySpace Comments
Powered By Blogger